ยิ่งกว่านางซินฯ! "สาวไทย"  รีวิวอวดปั๋วฝรั่ง บุพเพอาละวาด จีบ 2 เดือน แต่งปั๊บ สุดท้ายทำน้ำตาร่วง ขอบคุณที่รักกัน!

ยิ่งกว่านางซินฯ! "สาวไทย" รีวิวอวดปั๋วฝรั่ง บุพเพอาละวาด จีบ 2 เดือน แต่งปั๊บ สุดท้ายทำน้ำตาร่วง ขอบคุณที่รักกัน!


 

วันที่ 4 มีนาคม 2561 โลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวของหญิงไทยรายหนึ่ง ที่ได้เขียนประสบการณ์ตัวเองที่ตัดสินใจคบหา และแต่งงานอยู่กินกับสามีฝรั่งตาน้ำข้าว ในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะย้ายถิ่นฐานจากบ้านเกิดไปใช้ชีวิตคู่กับสามีที่ต่างประเทศ หลายคนอาจมีความคิดผิดๆที่ว่า มีสามีฝรั่งจะสบาย แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่เลย เธอและสามีช่วยกันฝ่าฝันอุปสรรค ช่วยกันทำมาหากิน เพื่อส่งเสียเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 3 คน  จนตอนนี้ครบ 8 ปีแล้ว ที่ใช้ชีวิตอยู่กับสามีคนนี้ แต่เธอก็มีความสุข ที่คู่ชีวิตตาน้ำข้าวของเธอ ไม่เคยทอดทิ้งเธอเลย แม้ในยามเศร้าที่สุด หรือในเวลาที่เธอเจ็บป่วย จนแทบเอาชีวิตไม่รอด
 


 

เรื่องราวดังกล่าว เผยแพร่ โดย เฟซบุ๊ก Diary แห่งเมียฝรั่ง  โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

#ครบรอบพิธีขึ้นเสาหลักปีที่8
#ขอรีวิวผัวฝรั่ง
#พร้อมเล่าประสบการณ์ไกลบ้านหน่อย

เป็นที่รู้กันว่าพี่เจอกับบักจ้อนพ่อของเด็กๆ ได้ไม่เท่าไหร่เราก็เยสโนโอเคไอจะหอบผ้าหนีตามยู (ทำไมต้องใช้คำว่าหนีเดี๋ยวจะเล่าใน ep ต่อๆ ไป) ...ถึงจะโดนคำครหานินทา ไปจนถึงสาปส่ง เผาพริกเผากลือแช่ง แต่พวกเราก็เดินทาง...ใช้ชีวิตแต่งงานร่วมกัน เป็นกำลังใจให้กัน ช่วยเหลือเกื้อกูล ร้องไห้ด้วยกัน กัดกันมาจนครบ 8 ปีแล้ว ...

เผอิญเมื่อคืนไม่ได้นอนด้วย เนื่องจากลูกสาวคนเล็กเป็นหวัด เช้านี้เพื่อทำหน้าที่แม่ที่ดี เลยซัดกาแฟไปสองแก้ว... โอ้ว! พระเจ้าจอร์จ แม่ม! หลอนมาก มือสั่น ตีนสั่น... มันเลยทำให้พี่มานั่งคิดย้อนถึงเวลาที่ผ่านๆ มา 555

ขอเล่าเรื่องราวที่แคปชั่นรูปเลยล่ะกัน 

 

27/02/2018
ปีนี้ครอบรอบแต่งงานปีที่ 8 แล้วค่ะ 
ชะนีคือตัวพี่เอง ทหารเรือคือบักจ้อนหรือจอร์น (John )

 

นี่คือตัวพี่ก่อนเจอสามี... อายุ 22 เอวบางร่างน้อยมาก แต่แทนยังไงก็ยังแทนอย่างนั้น 555 
รูปนี้คือตอนยังอยู่ไทย แฟนฝรั่งคนแรกของแม่พาพวกเราไปเที่ยวเชียงราย ซึ่งตอนนั้นพี่เรียนพึ่งจบปี 1 คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จันทร์ถึงศุกร์พี่ทำงานเป็นครูอัตราจ้าง เสาร์อาทิตย์พี่ไปเรียน ช่วงนี้ก็ยังถูกแฟนเก่าตามรังควานอยู่ค่ะ ถึงกับมาตามดักรออยู่ที่หน้ามหาลัยเลยทีเดียว มีที่ไหนก็ยังโดนตามไป ถึงขนาดว่าอยู่กับแม่ แฟนเก่ายังมาอาละวาดด่าทออยู่กลางถนนหน้าบ้านเลยค่ะ มันเลยทำให้พี่ตัดสินใจไปเรียนที่ perth ประเทศออสเตรเลีย ...ตอบรับคำเชิญของแฟนแม่คนนั้น

 

บักจ้อนพึ่งอายุ 21 และย้ายมาประจำการที่ perth ใหม่ๆ พวกเราจึงได้มาเจอกันที่นี่ นับเป็นบุพเพอาละวาด

เพราะต่างคนต่างหนีแฟนเก่ามา แล้วมาเจอกันห่างจากบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง
 



 

จีบกันเป็นแฟนกันได้ไม่ถึงสองเดือน บักจ้อนก็ขอพี่แต่งงาน คือ...พี่หนีเรียนไปทำงานบ่อยๆ ไง โดนโรงเรียนเรียกไปเตือน ว่าจะส่งเรื่องเข้าตม. แล้วพี่ก็จะโดนยกเลิกวีซ่าถูกส่งกลับประเทศ พองอแงนั่งร้องห่มร้องไห้กับบักจ้อน ฮีก็ขอพี่แต่งงานตรงนั้นเลยวันนั้นเลย พี่ก็ตอบตกลงทันที ถึงแม้ว่าจะโดนคัดค้านจากครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็ตาม ( มีคนเดียวที่เห็นด้วยคือแม่ของพี่)

 

4 เดือนต่อมา พวกเราก็จัดพิธีเล็กๆบนฐานทัพของกองทัพเรือเพราะว่าไม่ต้องจ่ายตังค์เช่าสถานที่ ชุดแต่งงานของพี่เป็นชุดมือสอง แม่ซื้อถือติดมือมาให้จากประเทศไทย ส่วนบักจ้อนก็ใส่ชุด พิธีการของทหารเรือ ข้าวปลาอาหารพ่อแม่ของบักจ้อนเป็นคนจ่ายและจัดการให้ พี่กับแม่ทำผมแต่งหน้าแต่งตัวเอง
 

 

พิธีคริสเตียน... มี chaplain ของกองทัพเรือเป็นคนทำพิธีให้
 


เพื่อนๆ ก็มีแค่เพื่อนจากโรงเรียนสอนภาษาของพี่

 

แล้วก็เพื่อนๆ ทหารเรือของบักจ้อน ซึ่งพี่ไม่รู้จักใครเลย
 

 

งานเล็กมากๆ อาหารเครื่องดื่มก็แทบจะไม่พอเลี้ยงคน แต่ก็ไม่มีใครบ่น เพราะเห็นพวกเรามีความสุข ตัวพี่เองกินอะไรไม่ทันเขาเลย หิวมากวันนั้น

เพราะโดนท่านแม่ บังคับให้อดข้าวมา 1 วันก่อนวันแต่ง She เกรงว่าพี่จะใส่ชุดแต่งงานไม่ได้
 

 

ตอนย้ายมาอยู่ด้วยกันใหม่ๆพวกเราไม่มีอะไรเลย ต้องรวมตังค์กันซื้อเครื่องซักผ้า เครื่องดูดฝุ่นและตู้เย็น ส่วนตู้อบกับเตาแก๊สมันติดมากับบ้านเช่า เวลากินข้าวก็ต้องนั่งกินกับพื้น พ่อแม่ของบักจ้อนมาเห็นแล้วอเน็จอนาถใจ ก็เลยซื้อชุดโต๊ะกินข้าวมาให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน ซึ่งโต๊ะนี้ทุกวันนี้ก็ยังมีอยู่

หลังจากจ่ายค่าวีซ่าแล้ว ค่ามัดจำเช่าบ้าน พวกเราก็มีเงินเหลือติดตัวกัน ไม่ถึง 1000 บาทไทย แต่ก็ยังดีที่ตอนนั้นเราทำงานกันทั้งคู่ เลยพอเก็บหอมรอมริบ ซื้อนั่นนิดนี่หน่อยเพื่อมาใส่บ้าน เรื่องเที่ยว เรื่องกิน เรื่องเมา หมดสิทธิ์ค่ะ ณ ตอนนั้น
 

 

มีอยู่ครั้งนึง ทั้งเตาอบ ทั้งเตาแก๊สพัง พวกเราก็เลยต้องไปซื้อชุดบาร์บีคิวถูกๆมาทำกับข้าวกัน 555

 

แต่งมาปีนึง ... ก็ท้องลูกคนแรก ทุกอย่างเพอร์เฟค ตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่น สิ่งที่เปลี่ยนไปเพียงอย่างเดียว ก็คือหนังหน้าและเข็มบนตราชั่งของพี่เอง
 

 

คิดว่าลูกชายในท้องจะต้องคลอดออกมาเพอร์เฟค จะต้องเป็นเจ้าคนนายคน จะต้องเติบใหญ่สุขภาพแข็งแรง

ไม่ได้คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเกือบตายเพราะตั้งครรภ์ 
แล้ว...เด็กชายวิลเลี่ยม ก็คลอดออกมาตอน 32 weeks น้ำหนักตัวมีแค่ 1.4 กิโลกรัม แต่หายใจเองได้ น้องต้องอยู่โรงพยาบาลต่อไปอีก 1 เดือน
 

 


ส่วนตัวพี่นั้นเกือบตาย ไตเกือบวาย เส้นเลือดในสมองเกือบแตก ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพราะอาการครรภ์เป็นพิษ ตอนนั้นไม่รู้ตัวว่าเป็นหนักขนาดนี้ จนกระทั่งบักจ้อนถ่ายรูปของพี่ส่งไปให้แม่ดู แม่ถึงกับร้องไห้เพราะว่าจำลูกตัวเองไม่ได้ หน้าบวมตัวบวม บวมมากจนกระทั่งหมอเจาะเลือดไม่ได้ ต้องเจาะหลายที่ เจาะยันง่ามเท้า

 


1 เดือนพอดีเป๊ะเราก็ได้ลูกคนแรกของเรากลับมาเรียนที่บ้าน เป็นเด็กน้อย หน้าตาฝรั่งจ๋า ตาสีฟ้า

ปีแรกของวิลเลี่ยม บักจ้อนถูกส่งออกทะเลบ่อยมาก มีอยู่รอบนึงต้องออกทะเล 3 เดือนรวด แม่พี่มาอยู่ด้วยเดือนครึ่ง จากนั้นพี่ต้องเลี้ยงลูกเอง ขับรถก็ยังไม่ได้ แถมมีอาการเหมือนเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด ตอนนั้นเป็นหนักมากจนเห็นภาพหลอน ส่งอีเมล์ไปหาสามีทุกวัน ว่าถ้าฉันตายช่วยดูแลลูกฉันด้วยนะ บักจ้อนก็ใจเย็นมากโทรไปขอให้แม่ของฮีมาอยู่เป็นเพื่อน
 

 

เด็กชายวิลเลี่ยมปัจจุบันอายุได้ 6 ขวบครึ่งแล้ว เนื่องจากคลอดก่อนกำหนดไปเยอะ ทุกวันนี้เลยต้องกลับไปเช็คที่โรงพยาบาลบ่อยๆ เวลามีหวัดหรือไข้อะไรระบาด น้องจะได้รับเชื้อก่อนทุกที ไม่สบายบ่อย พ่อไม่สบายทีก็เป็นนานกว่าคนอื่นเขา แต่กระนั้นเราก็เลี้ยงกันมาจนโต

 

ย้อนกลับมาที่ตัวพี่ ... หลังคลอด William ไปก็กลับมาสวยได้อีกครั้งแล้วค่ะ แต่ก็สวยได้ไม่นาน เพราะว่า หลังจากนั้นน้ำยาบักจ้อนก็ทำพิษ

 

ท้องอีกรอบเจ้าค่ะ 
คนนี้ได้สาวน้อย แม่ของบักจ้อนดีใจหนักมาก เพราะว่าทางบ้านนั้นหาลูกสาวหลานสาวได้ยากจริงๆ 
แต่ก็ไม่รอดค่ะ ท้องทุกทีโรครุมเร้าเหลือเกิน ท้องนี้พี่ตรวจเจอว่าเป็นความดันสูงและเป็นเบาหวาน พอผลตรวจออกมาพี่นั่งร้องห่มร้องไห้ ไม่รู้ว่าอะไรจะต้องมาเกิดกับเรานักหนา ทำไมคนอื่นเขาท้องกันเขาไม่เคยมีปัญหาเลย บักจ้อนก็ใจเย็น ไปนั่งอ่านอินเตอร์เน็ตศึกษาว่าจะต้องทำยังไง แล้วฮีก็เป็นคนจัดการเรื่องอาหารการกิน พร้อมทั้งปลอบใจพี่ว่า ถ้าเธอต้องเปลี่ยนอาหารการกิน ถ้าเธอต้อง Exercise ฉันก็จะทำไปกับเธอ... เธอไม่ได้อยู่คนเดียวนะ เธอยังมีฉันอยู่... และเราทั้งคู่ก็จะทำ ก็จะสู้เพื่อลูกของเราที่จะเกิดมาร่วมกัน

 

แล้วไอ้เหม่งก็คลอดออกมา สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีเบาหวานติดตัวมา น้ำตาลในเลือดทุกอย่างเพอร์เฟคหมด เพราะว่าแม่สามารถควบคุมน้ำตาลระหว่างท้องได้ เด็กหญิงเอเวอลีนหรือน้องอีฟ คลอดออกมานน. 3.1 กิโลกรัม

 

ณ ตอนนี้นางอายุได้ เกือบ 4 ขวบแล้วค่ะ แสบและซนมาก ตาสีดำ ผมสีแดง เนื่องมาจากเชื้อสายทางพ่อ

 

แล้วพี่ก็กลับมาสวยอีกครั้ง 5555 แต่ก็นะ...

 

จากคู่แต่งงานหนุ่มสาว ที่มีเงินเก็บรวมกันไม่ถึง 1000 บาท ผ่านไป 5 ปี ลูก 2 คน สามีทำงานคนเดียว พวกเราก็เก็บหอมรอมริบทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งซื้อที่ดินได้ 1 แปลง แปลงเล็กๆจะเอาไว้ปลูกบ้าน
 


ใกล้เสร็จแล้วค่ะ...
 

 

พอย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ได้ยังไม่ถึง 2 เดือนดี อิทธิฤทธิ์บักจ้อนสำแดงเดช He ก็เสกลูกเข้าท้องมาอีกคน คนนี้มาแบบเซอร์ไพรส์มาก เพราะว่าคุมกันอย่างดี ณ จุดนี้ He ออกงานจากทหารเรือมาแล้ว และได้งานทำที่บริษัทใหม่ ฮีเลยไม่ต้องออกทะเลไปไหนนานๆ แต่ท้องนี้พี่แพ้หนักมาก ตรวจเจอเบาหวานอีกรอบ และมีปัญหาเรื่องกระดูกเชิงกรานเคลื่อน เกือบจะต้องได้นั่งรถเข็น


ไหนจะต้องดูแลลิงอีก 2 ตัว ที่เริ่มไปโรงเรียนกันแล้วอีก พี่ร้องไห้เกือบทุกวัน เพราะความเจ็บปวด ส่วนบักจ้อนก็ไม่รู้จะทำยังไง He ได้แต่ขอโทษขอโพย ถ้าวันไหนลางานได้ ฮีก็จะเป็นคนจัดการรับส่งลูกเต้าและเลี้ยงลูกเอง
 

 

แล้วลิงตัวที่ 3 ก็ถูกคลอดออกมา ก่อนกำหนดไป 3 อาทิตย์ เพราะว่าแม่เจ็บท้องคลอด ต้องผ่าฉุกเฉิน บักจ้อนไปเป็นลมอยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ 555 เพราะว่าบล็อคหลังของพี่นั้นล้มเหลวกลางคัน พี่เลยกรี๊ดขึ้นมา ประกอบกับเลือดไหลไม่หยุดด้วย ฮีทนเห็นเมียเจ็บไม่ได้ เลยหน้ามืดซะงั้น 555 พยาบาลเลยต้องเข็นฮีออกไปและใช้ยาสลบกับพี่ ให้พี่หลับไปเลย...
เด็กหญิงเวโรนิก้า หรือชื่อเล่นว่ารอนนี่ ตอนนี้อายุได้ 4 เดือนครึ่งแล้วค่ะ
 

 

 

ขอบคุณ ที่มา :  Diary แห่งเมียฝรั่ง 






ติดต่อ โฆษณา

Contact : Click Marketting -

Clicknews-tv.net