ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค4 พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3 บก.สส.ภ.4 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม น.ส.พัชญาภา คงสาย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 ม.4 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น ที่ จ.478/2560 ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2560 ข้อหา ฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และหมายจับที่ จ.497/2560 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2560 ข้อหา ฉ้อโกงทรัพย์ โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ กก.สส.3 ตามจับกุมได้ที่บ้านเช่าในพื้นที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง พร้อมด้วยของกลาง บัตรเอทีเอ็มธนาคารต่างๆรวม5ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
ก่อนจับกุมมีผู้เสียหาย 3 รายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่นว่า ถูกผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ พัชญาภา คงสาย(Jang Pachayapa) หลอกให้ประมูลทองคำ ราคาต่ำกว่าท้องตลาด ช่วงแรกๆ ประมูลได้ มีการส่งทองให้ทางไปรษณีย์ทุกครั้ง แต่ในช่วงเดือนส.ค.-พ.ย.ผู้เสียหายประมูลเยอะ จำนวนเงินก็มาก แต่ไม่มีการส่งทองคำที่ได้จากการประมูลให้ และปิดเฟสบุ๊ก ไม่สามารถติดต่อได้ จึงรู้ว่าถูกหลอก จึงเข้าแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวมาดำเนินการตามกฎหมาย
พนักงานสอบสวนสภ.เมืองจึงประสานไปยัง บก.สส.ภ.4 เพื่อส่งทีมสืบสวน ทำการสืบวนจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่ง กก.สส.3 โดย พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จึงแกะรอยสืบสวนหาตัวผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ พัชญาภา คงสาย(Jang Pachayapa) จึงทราบว่า มีตัวตนอยู่จริง อยู่บ้านเลขที่ 142 ม.4 ต.โคกกรวด อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีอาชีพขายกาแฟ แต่ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบที่บ้านพักและร้านกาแฟนั้นทราบว่า น.ส. พัชญาภา ได้หลบหนีไปแล้ว
ในส่วนของสามี และผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ได้ตั้งพนักงานสอบสวนขึ้นมาเพื่อสอบสวนขยายผลในคดีนี้เป็นการเฉพาะ เนื่องจากว่า ยังมีผู้เสียหายอีกหลายราย ทยอยเข้ามาพบพนักงานสอบสวน หากเกี่ยวข้องกับใครก็จะออกหมายเรียกมาสอบสวน ผิดจริงก็จับกุมดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน และส่งเรื่องถึงปปง.ให้ตรวจสอบกรณีที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินด้วย
ทางด้าน พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ ผบก.สส.ภ.4 เปิดเผยถึงการสืบสวนจับกุม นส. พัชญาภา ว่า หลับทราบว่าหลบหนีออกนอกพื้นที่ ก็ทราบว่า หลบหนีไปพักกับเพื่อนที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง ก็ลงพื้นที่ จ.ลำปาง จนพบตัว และควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ กก.สส.ภ.4 ซึ่งในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีอาชีพขายกาแฟ ว่างๆก็เล่นเฟสบุ๊กไปเรื่อยเปื่อย จนพบการประมูลทองคำในเฟสบุ๊ก จึงเลียนแบบ
ผู้ต้องหายอมขาดทุน ด้วยการลงทุนซื้อทองรูปพรรณตามร้านทองในราคาขายตามท้องตลาด แล้วมาเปิดประมูลในราคาบาทละ 16,000บาท ผู้ที่เข้าไปเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊ก หรือคนที่สนใจประมูลก็จะเข้าไปประมูลทันที เพราะราคาต่ำกว่าราคาปกติ จุดนี้จึงเป็นจุดดึงดูดความสนใจ ให้คนเข้ามาร่วมประมูลจำนวนมาก แรกๆทุกคนจะได้ทองตามที่ประมูลไปได้ แต่ระยะหลังไม่มีใครได้ทองอีกเลยรวมแล้ว 100 กว่าราย กระจายอยู่ทั่วประเทศ
ผบก.สส.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า ผู้เสียหายรายใหญ่สุดอยู่ในเมืองขอนแก่น ถูกหลอกให้ประมูลทองรูปพรรณ รวมเป็นเงิน 2,300,000บาท แล้วยังไม่ได้ทอง ส่วนรายอื่นๆอยู่ที่หลักหมื่นกับหลักแสน ซึ่งภายหลังถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบัญชีเงินฝากของผู้ต้องหามีเงินโอนเข้าบัญชีใช่วงต้นปี ถึงเดือนพฤศจิกายน กว่า 100 ล้านบาท และในจุดนี้ต้องสอบสวนผู้ต้องหาว่าเงินที่ได้มาเอาไปใช้อะไร หรือโยกย้ายเงินไปที่ใดบ้าง เพราะทุกครั้งที่เปิดประมูลทอง ไม่มีการกำหนดว่าทองหนักกี่บาท แต่จะเปิดประมูลเพียงว่าทอง 1 บาทราคา 16,000 บาท ใครต้องการทองกี่บาท ลายแบบไหน ผู้ต้องหายืนยันว่ามีทุกแบบ ทุกลาย อ้างว่าเป็นคนนำเข้าทองคำจากต่างประเทศ และเมื่อมีคนโอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหาจะกดเงินออกมาทันที ซึ่งแต่ละครั้งที่เปิดประมูล จะมีเงินโอนเข้าบัญชีหลายแสนบาท เพราะส่วนใหญ่เป็นคนที่เคยได้ และคิดว่าจะได้อีก จึงลงทุนประมูลในจำนวนเงินที่มากขึ้นด้วย