"เพชรบูรณ์" กลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่ไม่เห็นด้วยใช้ ม.44 ปลดล็อกให้ 3 กิจการ!!

"เพชรบูรณ์" กลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่ไม่เห็นด้วยใช้ ม.44 ปลดล็อกให้ 3 กิจการ!!


วันที่ 22 มิ.ย. 60 แกนนำกลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่ ไม่เห็นด้วยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ในการปลดล็อกการใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ใน 3 กิจการ เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะการทำเหมืองแร่ สารพิษจะแพร่กระจายออกไปทำลายวิถีชีวิต และสิ่งต่างๆ พื้นดินจะเปลี่ยนแปลงไปชั่วกาลนาน ไม่สามารถกับมาเหมือนเดิมได้

            จากการที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ในการปลดล็อกให้ 3 กิจการที่ได้ดำเนินการไปแล้วบนที่ดินของ ส.ป.ก. ให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประกอบด้วย 1.การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2.การวางกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า และ 3.การทำเหมืองแร่ โดยให้ถือว่าไม่เป็นการขัดกับวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม ที่ต้องการจะให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก.เฉพาะด้านการเกษตรและลดความเหลื่อมล้ำให้แก่เกษตรกรเท่านั้น


            ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช. มองว่าใน 3 ส่วนนี้เป็นการขออนุญาตใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ไปแล้ว คือ สำรวจผลิตน้ำมัน, กังหันลม, และสำรวจเหมืองแร่ แต่ในส่วนที่กำลังจะขออนุญาตใหม่นั้นจะพิจารณาเป็นกรณีไป โดยต้องอยู่ในหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ คือ กิจการที่จะใช้บังคับมาตรา 44 ได้ ต้องเป็นกิจการที่สอดคล้องกับยุทธศาตร์ชาติ และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งต้องกำหนดชัดเจนว่า จะนำค่าตอบแทนที่ได้จากการใช้ที่ดินนี้ไปใช้ในการสาธารณประโยชน์ กำหนดเงื่อนไขการทำ CSR ให้ชัดเจน และกำหนดแผนการฟื้นฟูที่ดินเป็นระยะด้วย หากสอดคล้องกับเงื่อนไขดังกล่าวจึงจะอนุญาตให้ใช้ ม.44 ได้ และจากกรณีดังกล่าว ดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเพชรบูรณ์ไม่เอาเหมืองแร่ ไม่เห็นด้วยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ในการปลดล็อกการใช้ที่ดินของ ส.ป.ก. ใน 3 กิจการ เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ที่ต้องการจะมอบที่ดิน ส.ป.ก.ให้แก่เกษตรกรที่มีฐานะยากจนใช้ในการทำการเกษตรเท่านั้น 

 



            โดย ดร.วิศัลย์ โฆษิตานนท์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ดังนั้นเรามาถูกทางแล้ว เพราะทุกวันนี้พื้นที่ในต่างประเทศที่จะผลิตอาหารน้อยลงแต่ประชาชนมากขึ้น ฉะนั้นเรามีพื้นที่เกษตรกรรมเพื่อผลิตอาหารขึ้นมาถือว่าเป็นกิจการที่ถูกต้องของคนไทย ที่จะเดินหน้าการนำไปสู่เกษตรปลอดภัยหรือเกษตรอินทรีย์ และเกษตรที่หลากหลายต่างๆ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงมีการปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมขึ้นมาบนที่ดินที่ประชาชนเข้าไปยึดครองไม่ได้ เพราะไม่มีเอกสารสิทธิก็สามารถที่จะให้เป็นที่ดิน สปก. การเป็นที่ดินปฎิรูปเพื่อการเกษตรก็ถือว่า เป็นการส่งเสริมให้เป็นประเทศเกษตรกรรม วัตถุประสงค์ชัดเจนอยู่แล้ว อยู่ๆเกิดยกเลิกไปว่าพื้นที่ดินปฎิรูปเพื่อการเกษตรสามารถทำอะไรก็ได้ มันก็เท่ากับว่าเรากำลังจะออกจากการเป็นประเทศเกษตรกรรมหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 กิจการใหญ่ เช่น ปิโตรเลียม พลังงานทดแทน หรือ เหมืองแร่ ล้วนแต่เป็นโครงการระดับใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่าระดับนายทุนทั้งนั้น ชาวบ้านไม่ได้อะไรเลยทั้งที่ควรเป็นที่ดินของชาวบ้าน ที่ทำการเกษตรเพื่อจะมาเสริมจุดแข็งให้กับบ้านเราและประเทศไทย ฉะนั้นเป็นเรื่องน่าคิดว่าเรากำลังจะเปลี่ยนจากประเทศเกษตรกรรมไปเป็นอย่างอื่นหรือ แล้วทำเพื่อใครเพื่อประชาชนหรือเพื่อนายทุน ที่มีกำลังการลงทุนกิจการใหญ่โตขนาดนี้ แต่ถ้าหากว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องจำเป็น ทำไมไม่ดูที่อื่นที่สามารถทำได้ เช่น ที่มีเอกสารสิทธิ หรือที่ดินที่เป็นป่าเสื่อมโทรม แต่ที่ดินเพื่อการเกษตรก็ไม่น่าจะไปยุ่งกับเขา หรือแม้กระทั่ง 3 กิจการที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือเหมืองแร่ การเปิดเหมืองแร่แบบเปิดต้องใช้ที่ดินหลายพันไร่ และสารพิษจากการทำเหมืองก็จะแพร่กระจายออกไปทำลายวิถีชีวิต ทำลายสิ่งต่างๆ  เรามีบทเรียนมาแล้ว ฉะนั้นเรื่องเหมืองแร่เป็นเรื่องที่ไม่เห็นด้วยที่สุด เป็นเรื่องที่จะมาใช้มาตรา 44 ยกเลิก สามารถทำบนพื้นที่ ส.ป.ก.ได้ ส่วนเรื่องพลังงานทดแทน เช่น กังหันลม หรือว่าปิโตรเลียม อันนี้ก็ยังพอไหวเพราะว่าไม่ได้ทำลายพื้นที่ของเราจนกับมาเช่นเดิมได้ เช่น ปิโตเลียมก็เจาะลงไปด้านล่างไม่ได้สร้างความเสียหายฉะนั้น 3 เรื่องนี้  ถ้าจำเป็นจริงๆก็ขอแค่ 2 เรื่องพอ คือ พลังงานทดแทน และปิโตรเลียม แต่ถ้าเรื่องเหมืองแร่ไม่เห็นด้วยจริงๆที่จะอนุญาตให้ทำบนพื้นที่ ส.ป.ก. เพราะมันจะเปลี่ยนแปลงพื้นดินในประเทศไทยหรือว่าในบ้านเมืองเราไปชั่วกาลนาน ไม่สามารถกับมาเหมือนเดิมได้ รู้สึกหนักใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้เหมืองที่ดำเนินการไปแล้วสามารถทำต่อได้เลย และคนที่กำลังรออยู่ก็สามารถทำได้เป็นรายๆไป ซึ่งตรงนี้มันไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์คิด แต่จะมาขุดทรัพย์สินในแผ่นดินของเรา ซึ่งเป็นนายทุนต่างชาติแทบทั้งนั้น ผมค่อนข้างหนักใจแต่ก็หวังว่า เสียงเล็กๆจากประชาชนในพื้นที่ก็น่าจะส่งเสียงถึงผู้มีอำนาจได้รับฟังบ้าง

           โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเมืองเกษตรหรือเป็นประเทศเกษตร ที่ผลิตอาหารไปหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกเป็นทิศทางที่ถูกแล้ว ถ้ายกเลิก สปก. ก็แสดงว่าไม่เอาเรื่องเกษตรแล้วใช่ไหม  ที่ดินเพื่อชาวไร่ชาวนาไม่มีแล้วใช่ไหม ที่อื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่เอาต้องมาเอาที่ดินเพื่อการเกษตร

 

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว : ทีมข่าวคลิ๊กนิวส์ จ.เพชรบูรณ์






ติดต่อ โฆษณา

Contact : Click Marketting -

Clicknews-tv.net