เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายสรรชัย ชอบพิมาย ผอ.สำนักพัฒนาฝีมือแรงงาน จ.ศรีสะเกษ ดร ปะนะชัย คำสิงห์ ผอ.สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดศรีสะเกษ นายชูเกียรติ ทาวุฒิ รักษาการแทน ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลวัดพระโต และเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคจำพวกแป้ง ผ้าอนามัย ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ไปมอบให้แก่ผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้ต้องขังหญิงจำนวน 144 คน พร้อมทั้งมีกิจกรรมให้ความรู้ด้านคุณธรรมแก่ผู้ต้องขังและเพิ่มกำลังใจให้นักโทษทุกคนได้มีโอกาสลุ้นของรางวัลที่นำเอาไปมอบให้เป็นจำนวนมาก โดยมี นายชัยพฤกษ์ แสวงเจริญ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ และคณะให้การต้อนรับ
ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ ประธานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนพร้อมเพื่อนร่วมเครือข่ายได้มาเรือนจำเพื่อประกอบกิจกรรมที่ทำต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว โดยในวันนี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดของตนด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสานต่อ"โครงการกำลังใจ" ในพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ซึ่งเกิดโครงการจากในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จเยี่ยมและประทานสิ่งของแก่ผู้ต้องขังหญิงและเด็กติดผู้ต้องขังหญิง ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งการเสด็จเยี่ยม ทำให้ทรงเห็นปัญหาของผู้ต้องขังหญิง ที่ขาดโอกาสต่างๆ ในชีวิต โดยเฉพาะความรักความอบอุ่นจากครอบครัว รวมทั้งทารกบริสุทธิ์ไร้ความผิดที่ถือกำเนิดขึ้นในเรือนจำจากครรภ์ของแม่ที่เป็นผู้ต้องขัง นำมาซึ่งปัญหาต่อไปในอนาคต ปัญหาที่ทรงค้นพบนั้นได้จุดไฟพระปณิธานในการที่จะทรงช่วยเหลือและให้กำลังใจแก่ผู้ต้องขังหญิงขึ้น ทำให้ใน 5 ปีต่อมา เมื่อทรงสำเร็จการศึกษาในระดับชั้นปริญญาเอก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้ทรงก่อตั้งโครงการกำลังใจขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2549 ณ ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร โดยแรกเริ่มนั้นทรงโปรดให้วิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย เข้ามาดำเนินงานภายใต้พระดำริที่จะปรับปรุงคุณภาพชีวิตและเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ต้องขังที่ตั้งครรภ์และทารกที่เกิดในเรือนจำ และเมื่อโครงการดังกล่าวนี้ได้ขยายไปสู่เรือนจำอื่นๆ ทั่วประเทศ ระดับของการช่วยเหลือก็ขยายไปสู่การฝึกอาชีพให้กับผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำต่างๆ อันเป็นการเตรียมความพร้อมในการกลับคืนสู่สังคมด้วย
ดร.กัลยาณี กล่าวต่อไปว่า นักโทษบางคนทำผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่ต้องรับโทษร่วมกับนักโทษอื่น ที่มีโทษรุนแรงกว่า บางคนเกิดความท้อแท้ เพราะต้องรับโทษอีกหลายปี จำเป็นที่พวกเราคนนอกต้องให้ความช่วยเหลือและให้กำลังใจ เพื่อให้เขามีต้นทุนทางใจที่เข้มแข็ง ขอให้เขากระทำแต่ความดี เพื่อสามารถออกไปใช้ชีวิตใหม่นอกเรือนจำได้ วันนี้ในโอกาสวันเกิดจึงชักชวนเพื่อนๆให้ได้มาเห็นสภาพผู้ต้องขังและหันมาให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะช่วยได้ ไม่ว่าจะช่วยด้านจิตใจหรือร่างกาย ก็เกิดประโยชน์ทั้งนั้น เพื่อให้เขาสามารถออกไปประกอบอาชีพสุจริตไม่ให้หวนกลับมาทำผิดเป็นนักโทษซ้ำอีก เป็นการช่วยลดปัญหาสังคมให้ประเทศชาติ ซึ่งที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ ผู้ต้องขังหญิงที่อยู่ในเรือนจำจังหวัดศรีสะเกษ จำนวนมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ โดนตัดสินจำคุกจากคดียาเสพติดทำให้เห็นว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สำคัญมากที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่องตลอดไป