แม่ น้ำตานอง! "ลูกน้อย" ร้องไห้ เป็นชั่วโมงๆ ไม่ยอมหยุด รีบอุ้มไปหาหมอ ก่อนพบคำตอบสุดช็อก เรื่องใกล้ตัวแท้ๆ!

แม่ น้ำตานอง! "ลูกน้อย" ร้องไห้ เป็นชั่วโมงๆ ไม่ยอมหยุด รีบอุ้มไปหาหมอ ก่อนพบคำตอบสุดช็อก เรื่องใกล้ตัวแท้ๆ!


 

วันที่ 12 ตุลาคม 2560 คุณแม่รายหนึ่งได้แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกชายตัวน้อย วัย 4 เดือน  ที่ป่วยเป็นไข้ตัวร้อน และเธอมักจะให้ยาพาราเซตามอลทุกครั้งเวลาที่ลูกไม่สบายตัวร้อน โดยให้ในปริมาณที่ถี่และมากเกินไปน้ำหนักตัวและอายุ ซึ่งในช่วงแรกๆลูกของเธอก็ไข้ลดลง จนไม่มีไข้ แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ลูกของเธอกลับร้องไห้ไม่หยุดเป็นชั่วโมงๆ เธอจึงรีบพาลูกชายไปหาหมอที่โรงพยาบาล ก่อนจะพบคำตอบสุดเศร้า เกินบรรยาย


 

โดยสมาชิกเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า  นุ่น'นน มา เฟีย'ยย ได้เขียนข้อความบอกเล่าประสบการณ์ผ่านกลุ่มคนท้องคุยกัน  โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 

 

เราจะมาบอกว่า? ถ้าหากลูกไม่สบาย แล้วเราให้ยากินแล้ว ยานั่นคือยาซาร่าสำหรับเด็กหรือยาอะไรก็ตามแต่ เนื่องจากลูกเราไม่สบาย เราก็ให้ยาลูกครั้งล่ะ 1-1.5ซีซี ก็เราอยากให้ลูกหายจากไข้ เราให้วันล่ะ 2 รอบ เช้าเย็น ตอนนั้นลูกเรา. 4 เดือน ด้วยความรักความเป็นห่วงของแม่อยากให้ลูกหาย และเราก็ให้ยามาประมาณ 4-5 วัน ติดกัน เช้าเย็น. จนลูกไม่มีไข้แล้ว พอ2-3วันมา แค่นั้นแหล่ะคะ วันที่ 14 ธค. 59 ลูกเราร้องเป็นชั่วโมงๆเอาใจเท่าไหร่ก็ไม่หยุด เราก็เลยพาไป รพ หมอก็ถามว่าเป็นไรมา เราก็คิดว่าท้องอืด หมอก็สวนก้นให้ ก็ไม่มีอึ หมอก็เอาไปเจาะเลือด หมอว่าตัวเหลือง เจาะแล้วก็ไม่มีผลอะไร จนเอาไปเอ็กซเรย์ หมอพบว่า ลูกเราเป็นโรคตับ ตับโต ม้ามโต เพราะเกิดจากการที่เราให้ยาลูกเกินขนาด ตอนนี้ก็มีเรื่อง น้ำตาลต่ำ ต่อมไทรอยด์อักเสบ และสมองติดเชื้อตามมาอีกเยอะแยะ

 

#สงสารลูก ตอนนี้ลูกเราก็ยังอยู่ รพ อยู่เลย เป็นเดือนกว่าแล้ว #ฝากถึงคุณแม่ทุกคนนะคะ ถ้าลูกไม่สบาย ให้ยา2-3วันไม่หาย หรือก็นำไปหาหมอนะคะ

 



 

 

อันตรายของยาลดไข้สำหรับเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องรู้


เมื่อลูกมีไข้ สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวังคือการชักจากไข้สูง การดูแลให้ไข้ลดลงจึงเป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรจัดการให้เร็วที่สุด หากลูกมีไข้ต่ำๆการเช็ดตัวลดไข้สามารถช่วยลดอุณหภูมิได้ แต่… ถ้าเช็ดตัวแล้วไข้ไม่ลดลงหรือ มีอุณหภูมิมากกว่า 38 องศาเซลเซียส จำเป็นต้องให้ลูกรับประทานยาลดไข้ควบคู่กับการเช็ดตัวลดไข้ด้วย การเลือกใช้ยาลดไข้ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะถ้าเลือกใช้ยาลดไข้ผิดชนิดผิดขนาด อาจทำให้ลูกได้รับอันตราย ดังนี้

 

อันตรายของยาลดไข้กลุ่มพารามเซตามอล (Paracetamol หรือ Acetaminophen) 


เป็นยาลดไข้เด็กที่กุมารแพทย์นิยมเลือกใช้เป็นลำดับแรก เพราะปลอดภัยสูงสุด แต่หากใช้ผิดขนาด อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตับ เนื่องจากในเด็กกระบวนการทำงานของตับยังไม่สมบูรณ์ อาจทำให้เกิดภาวะตับวายได้  คุณพ่อคุณแม่จึงควรระมัดระวังการใช้ยาพาราเซตามอล ดังนี้
ใช้ยาพาราเซตามอลขณะมีอาการเท่านั้น


ให้ยาตามน้ำหนักและอายุ หรือขนาดที่แพทย์ หรือ เภสัชกร แนะนำ
ไม่ควรใช้ยาพาราเซตามอล นานติดต่อกันเกิน 5 วัน
อาการแพ้ยาพาราเซตามอลที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นขึ้น
อันตรายของยาลดไข้กลุ่มไอบูโปรเฟน (Ibuprofen )
 ใช้ลดไข้สูงได้ดี แต่…มีผลข้างเคียงรุนแรงกว่ายาพาราเซตามอล จึงควรให้ยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น ที่สำคัญห้ามใช้ในกรณีที่เด็กเป็นโรคที่มีความเสี่ยงต่อเลือดออก เช่น โรคไข้เลือดออกเพราะส่งเสริมให้เลือดออกมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรระมัดระวังการใช้ยาลดไข้กลุ่มไอบูโปรเฟน ดังนี้

รับประทานตามแพทย์สั่งเท่านั้น


ควรรับประทานยาหลังอาหารทันทีเพื่อลดอาการระคายเคืองทางเดินอาหาร


ยากลุ่มไอบูโปรเฟน ทำให้เกิดอาการแพ้ที่ไม่รุนแรง ได้แก่  ผื่นคันตามผิวหนัง ลมพิษ ปวดเกร็งในช่องท้อง ปวดแสบยอดอก อาหารไม่ย่อยหรือมีอาการคลื่นไส้  อาเจียน  มีลมแน่น ท้องผูกหรือท้องเสียได้


อาการแพ้ยากลุ่มไอบูโปรเฟนแบบรุนแรงควรพบแพทย์ทันที ได้แก่ ระบบการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติส่งผลให้ หัวใจเต้นเร็ว หอบหืด มีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆ


ในเด็กการตอบสนองต่อยาแตกต่างจากผู้ใหญ่ หากให้ยาลดไข้แล้วไม่ได้ผลในครั้งแรก อย่าเพิ่มปริมาณยาเอง เพราะยาลดไข้มีระยะเวลาในการออกฤทธิ์ ควรเว้นระยะเวลาการรับประทานตามแพทย์กำหนด และเช็ดตัวลดไข้ควบคู่ไปด้วย หากลูกมีไข้สูงติดต่อกัน 3 วัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยแยกโรคอย่างละเอียด

บทความแนะนำเพิ่มเติม
การให้ยาลดไข้ที่ถูกต้อง ในเด็กแต่ละช่วงวัย
ชนิดของยาลดไข้ และการเลือกใช้ยาลดไข้ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก

 

ขอบคุณ ที่มา : www.mamaexpert.com 






ติดต่อ โฆษณา

Contact : Click Marketting -

Clicknews-tv.net