วันที่ 19 ธ.ค. 63 เวลา 19.45 น. ความคืบหน้าและบรรยากาศโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง นายก-สจ.พิจิตร ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะการชิงตำแหน่งนายก อบจ.พิจิตร ที่มีผู้สมัครถึง 5 เบอร์ ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมาที่สถานีตำรวจภูธรบึงนารางได้มี นายสงวน อิ่มอุระ อายุ 79 ปี และ นางสว่าง อิ่มอุระ อายุ 74 ปี สองคนตา-ยาย อยู่บ้านเลขที่ 123 หมู่ 8 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร ได้มีผู้นำพาถือเงินเป็นธนบัตรใบละ 100 บาท จำนวน 6 ใบ ไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.บึงนาราง ว่า มีผู้นำเงินมาให้แล้วบอกว่าให้ลงคะแนนเลือกเบอร์ 1 ซึ่งหลังจากนั้น กกต.ก็เข้าสอบสวน รวมถึงผู้สื่อข่าวก็ลงพื้นที่สืบเสาะว่า ใครคือผู้ที่นำเงินมาให้ตากับยายคู่นี้
จนในที่สุดก็สืบจนพบว่าผู้ที่นำเงินมาให้กับ ตา-ยายคู่นี้ คือ นายไพฑูรย์ อิ่มอุระ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 8 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร มีตำแหน่งเป็นแพทย์ประจำตำบลแหลมรัง ซึ่ง นายไพฑูรย์ ก็กำลังเตรียมตัวจะมาแจ้งความที่โรงพักและได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเป็นหลานยชายแท้ๆ ของ ตากับยาย คู่นี้ และเป็นผู้ให้เงิน ตากับยาย จริง... แต่เรื่องจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งนายไพฑูรย์เล่าว่า โดยปกติตนเองก็ให้เงินกับ ตาและยาย ซึ่งต้องบอกว่าเป็นลุงกับป้าของตนเอง โดยให้เงินเป็นค่ากับข้าว ค่ายารักษาโรค อยู่เป็นประจำ แต่ครั้งนี้ที่ให้เงินลุงกับป้าก็เมื่อวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค. 2563 เนื่องจากตนเองได้รับเงินมาจากการปันผลที่ตนเองเป็นกรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงสุกร ได้เงินค่าตอบแทนที่เป็นกรรมการของกลุ่ม 4,500 บาท เมื่อมาเจอ ลุงกับป้ากลับจากตลาดเจอกันกลางทางในหมู่บ้านจึงจอดรถทักทายสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ ซึ่งป้าก็บอกว่า ช่วงนี้ทั้ง 2 คน มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเงินที่มีก็ต้องซื้อยาและไปหาหมออยู่บ่อยๆ ตนเองฟังแล้วสงสารพกเงินมาในกระเป๋า 1 พันบาท เป็นธนบัตรใบละ 100 บาท ล้วนๆ จึงนับส่งให้ลุงกับป้า 900 บาท เหลือติดกระเป๋า 100 บาท ก็จะเอาไปซื้อปลาที่ตลาดเพื่อนำไปทำกับข้าวกิน แต่ก่อนจะแยกย้ายจากกัน ลุงกับป้าก็ชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่มีบทสนทนาอยู่ตอนหนึ่งที่ป้าเอ่ยปากถามว่า ในวันที่ 20 ธันวาคม 2563 จะมีการเลือกตั้งนายก และ สจ. นายไพฑูรย์จะเลือกใคร ? ซึ่งนายไพฑูรย์ ก็บอกว่า สจ.เขต จะเลือกเบอร์ 1 ส่วนนายก อบจ.จะเลือกเบอร์ 2 แต่ขณะที่พูดคุยและส่งเงินให้ลุงกับป้าตนเองก็สังเกตเห็นหลานผู้สมัคร สจ. ท่านหนึ่ง ขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านและพยักหน้าให้กัน ซึ่งตนเองก็ไม่ได้คิดอะไร
จากนั้นตนเองและลุงกับป้า ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่แล้วจู่ๆ ตนเองก็มาทราบข่าวภายหลังว่าลุงกับป้าถูกผู้นำที่เป็นตำแหน่งสำคัญในตำบล เป็นผู้ชักจูงข่มขู่ยุยงลุงกับป้าที่แก่เฒ่าหลงๆลืมๆ แล้ว ให้เอาเงิน 600 บาท ไปแจ้งความที่โรงพัก ว่า มีคนมาให้เงินเพื่อชี้นำให้ไปลงคะแนนให้เบอร์ 1 วันนี้จึงจะพาลุงกับป้ามาถอนแจ้งความ แต่ตำรวจบอกว่าคดีเรื่องนี้ถอนแจ้งความไม่ได้แต่จะสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและรายงานให้ กกต.พิจิตร พิจารณาต่อไป
ส่วนนายไพฑรูย์ ก็ขอแจ้งความลงบันทึกประจำวันและแสดงเจตนาบริสุทธิ์ ว่าตนเองคือ ผู้ให้เงินลุงกับป้าในฐานะญาติพี่น้องไม่ได้เป็นหัวคะแนนหรือรับเงินมาจากหัวคะแนนเพื่อมาซื้อเสียงตามที่เป็นข่าว ซึ่งส่งผลให้ผู้สมัคร เบอร์ 1 ได้รับความเสียหายดังกล่าว
ภาพ / ข่าว : ผู้สื่อข่าวคลิ๊กนิวส์ จ.พิจิตร